Policies

เอกสารสำคัญเกี่ยวกับข้อตกลงในการให้บริการและนโยบายความเป็นส่วนตัว

1. ข้อกำหนดทั่วไป (General)

1.1 ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการให้บริการ Wednesday (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "เงื่อนไขการให้บริการ") นี้เป็นข้อตกลงระหว่าง บริษัท อินโนสเตลลาร์ จํากัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้ให้บริการ") กับ ผู้ใช้บริการ Wednesday (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้ใช้บริการ") เพื่อใช้บริการ Wednesday (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "บริการ") ผ่านแอปพลิเคชัน Wednesday (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “แอปพลิเคชัน”)

1.2 ผู้ใช้บริการได้อ่านและเข้าใจในข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการซึ่งกําหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการไว้อย่างชัดเจน จนเข้าใจรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วนแล้วนั้น จึงได้ยอมรับและตกลงใช้บริการโดยลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้บริการ Wednesday (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “Wednesday Account”) เพื่อเปิดใช้บริการกับผู้ให้บริการ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการพิมพ์ หรือเลือกข้อความและการกระทําใดๆ ที่ทําให้ปรากฏซึ่งข้อความตามวิธีการที่ผู้ให้บริการกําหนดไว้ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นใดตามที่ผู้ให้บริการกําหนด และผู้ให้บริการได้เปิดหรือยินยอมให้ผู้ใช้บริการใช้บริการ Wednesday แล้วนั้น ถือว่าผู้ใช้บริการได้ตกลงทําสัญญากับผู้ให้บริการและยินยอมผูกพันและปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการนี้ทุกประการ โดยผู้ให้บริการอาจแก้ไข หรือเพิ่มเติมเงื่อนไขการให้บริการได้ ไม่ว่าในเวลาใด โดยผู้ให้บริการจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบ และการที่ผู้ใช้บริการใช้บริการต่อไปภายหลังจากที่มีการแก้ไข หรือเพิ่มเติมดังกล่าว ย่อมถือเป็นการยอมรับการแก้ไข หรือเพิ่มเติมในแต่ละครั้ง เว้นแต่จะได้มีการแจ้ง หรือกําหนดไว้เป็นอย่างอื่น คุณลักษณะใหม่ๆ ที่ได้แก้ไข เพิ่มเติม หรือปรับปรุงในบริการให้ถือว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ทั้งสิ้น

2. คํานิยาม (Definition)

2.1 “ผู้ให้บริการ” หมายถึง บริษัท อินโนสเตลลาร์ จํากัด

2.2 “ผู้ใช้บริการ” หมายถึง บุคคลผู้ซึ่งได้ตกลงทําสัญญาใช้บริการของผู้ให้บริการไว้กับผู้ให้บริการ และให้หมายความรวมถึงผู้ที่ใช้และครอบครอง Wednesday Account โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้บริการ

2.3 “บริการ” หมายถึง การให้บริการช่องทางในการซื้อขาย DATA สำหรับใช้บริการอินเทอร์เน็ตสื่อสารผ่านดาวเทียมทางทะเล ของผู้ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ

2.4 “Wednesday Account” หมายถึง บัญชีที่ผู้ใช้บริการได้กระทำการลงทะเบียนสมัครใช้บริการ เพื่อใช้ในการทํารายการต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการใช้บริการ

2.5 “สมัครใช้บริการ” หมายถึง การทํารายการลงทะเบียนบัญชี Wednesday (Wednesday Account) เพื่อขอทําสัญญาเปิดใช้บริการกับผู้ให้บริการ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการพิมพ์ หรือเลือกข้อความและการกระทําใดๆ ที่ทําให้ปรากฏซึ่งข้อความตามวิธีการที่ผู้ให้บริการกําหนดไว้ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นใดตามที่ผู้ให้บริการกําหนด ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและในอนาคต

2.6 “ค่าบริการ” หมายถึง ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้บริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการอันเนื่องจากการได้ใช้ประโยชน์ หรือจะได้ใช้ประโยชน์ในบริการของผู้ให้บริการ

2.7 “เงื่อนไขการให้บริการ” หมายถึง ข้อกำหนดและ/หรือเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการกำหนดไว้สำหรับการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ โดยผู้ใช้บริการตกลงดำเนินการตามข้อกำหนดและ/หรือเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งไม่ว่าทําขึ้นในรูปแบบใด โดยจะมีผลผูกพันและใช้บังคับกับผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการตามสิทธิและหน้าที่ที่กําหนดไว้ในข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการ

2.8 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ของผู้ใช้บริการและให้หมายความรวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ หรืออาจระบุตัวผู้ใช้บริการนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงข้อมูลการใช้บริการ และพฤติกรรมการใช้บริการ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของผู้ให้บริการ

2.9 “ข้อมูลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด

2.10 “สำนักงานบริการ” หมายถึง สำนักงานที่ตั้งของบริษัท อินโนสเตลลาร์ จํากัด

2.11 “อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์” หมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดใดๆ ก็ตามที่ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการ

2.12 “แอปพลิเคชัน” หมายถึง โปรแกรม หรือชุดคำสั่ง ที่ผู้บริการให้บริการภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ

3. การให้บริการ

ผู้ให้บริการเป็นผู้ให้บริการช่องทางในการซื้อขาย DATA สำหรับใช้บริการอินเทอร์เน็ตสื่อสารผ่านดาวเทียมทางทะเล ของผู้ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการเพื่อผู้ใช้บริการได้ลงทะเบียนสมัคร หรือยื่นคําขอและตกลงใช้บริการกับผู้ให้บริการ ซึ่งจะมีสิทธิใช้ Wednesday Account ตามที่ผู้ให้บริการจัดสรรให้ เพื่อใช้บริการ รวมตลอดถึงการใช้บริการประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับบริการดังกล่าว ตามที่ผู้ให้บริการกําหนดและที่เปิดให้บริการอยู่แล้วทั้งในปัจจุบันและที่จะจัดให้มีขึ้นในอนาคต

4. ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการทั่วไป

4.1 เมื่อผู้ใช้บริการได้ลงทะเบียนสมัครใช้บริการ โดยวิธีการทำรายการลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้บริการ Wednesday Account เพื่อเปิดใช้บริการกับผู้ให้บริการ และผู้ให้บริการได้ตกลงเปิดหรือยินยอมให้ผู้ใช้บริการได้ใช้บริการ

4.2 ผู้ใช้บริการต้องให้ข้อมูลชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประจําตัวประชาชนหรือเลขที่หนังสือเดินทางของตนเอง วันเดือนปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ ที่อยู่ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรศัพท์ผู้ติดต่อที่สามารถติดต่อได้กรณีฉุกเฉิน สถานที่ทำงาน ตำแหน่งงาน รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ตามที่ผู้ให้บริการกำหนด หรือจะกำหนดต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการของผู้ให้บริการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการทํารายการต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการใช้บริการ

4.3 ผู้ใช้บริการจะต้องเก็บรักษา Wednesday Account และข้อมูลที่ใช้ในการสมัครใช้บริการไว้เป็นความลับเฉพาะตัวของผู้ใช้บริการเท่านั้น และไม่เปิดเผย หรือกระทำการใดๆ ที่อาจทำให้ผู้อื่นทราบ Wednesday Account หรือข้อมูลใดๆที่ให้ไว้แก่ผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการยอมรับว่าหากมีการทํารายการใดๆ โดยใช้ Wednesday Account ของผู้ใช้บริการ ให้ถือว่าเป็นการกระทําโดยตัวของผู้ใช้บริการเองทุกประการ โดยผู้ให้บริการไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทํารายการใดๆ ภายใต้ Wednesday Account ของผู้ใช้บริการ จากการใช้ Wednesday Account ดังกล่าว

4.4 ในกรณีที่ผู้ใช้บริการใช้ Wednesday Account ทํารายการใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการใช้บริการเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ผู้ใช้บริการรับทราบว่าไม่สามารถยกเลิก เพิกถอน เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขรายการดังกล่าวได้ และผู้ใช้บริการต้องผูกพันตามรายการดังกล่าวทุกประการ

4.5 ในกรณีที่ผู้ใช้บริการลืม Wednesday Account หรือต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใด ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ผู้ใช้บริการต้องดําเนินการแจ้งให้ผู้ให้บริการทราบทันทีเป็นลายลักษณ์อักษรตามวิธีการที่ผู้ให้บริการกําหนดไว้ในข้อ 4.7 อย่างไรก็ตาม การดําเนินการต่างๆ ข้างต้นจะไม่มีผลกระทบต่อการทําธุรกรรมใดๆ ที่ได้ดําเนินการไปแล้วก่อนการแจ้งให้ผู้ให้บริการทราบ

4.6 ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการเปิดใช้บริการ ให้บริการ และทำธุรกรรมกับผู้ใช้บริการที่ปกปิดชื่อจริง หรือ ใช้นามแฝง หรือเมื่อผู้ให้บริการตรวจพบว่าชื่อที่ผู้ใช้บริการได้สมัครใช้บริการไว้นั้นเป็นชื่อที่ไม่ถูกต้อง แท้จริงและเป็นปัจจุบัน

4.7 ผู้ใช้บริการสามารถสอบถามข้อมูลบริการ หรือแจ้งปัญหาในการใช้บริการได้ที่ Line Official Account: @wed.inno

5. อัตราค่าบริการและค่าธรรมเนียมต่างๆ

ผู้ใช้บริการสามารถทํารายการชำระค่าบริการ เพื่อการใช้บริการ ตามวิธีการที่ผู้ให้บริการกําหนดไว้ในข้อ 6หรือ ตามวิธีการที่ผู้ให้บริการจะได้ประกาศและแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบเพิ่มเติมภายหน้า

5.1 ผู้ใช้บริการตกลงชําระค่าบริการให้แก่ผู้ให้บริการตามอัตราค่าบริการที่ผู้ให้บริการกําหนด

5.2 ผู้ให้บริการอาจเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมจากผู้ใช้บริการ ตามรายการส่งเสริมการขายและการใช้บริการที่กําหนดขึ้นเป็นคราวๆ

5.3 ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการ โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน ก่อนถึงวันเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

6. วิธีการชำระค่าใช้บริการและกำหนดเวลาชำระค่าใช้บริการ

6.1 ผู้ใช้บริการต้องชําระค่าบริการให้แก่ผู้ให้บริการเป็นการล่วงหน้าก่อนการใช้บริการ โดยวิธีการชำระค่าบริการจะชำระค่าบริการผ่านด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์บนแอปพลิเคชัน หรือตามช่องทางการชําระเงินต่างๆ ที่ผู้ให้บริการกําหนด รวมถึงช่องทางการชําระเงินหรือธนาคารอื่นๆ ที่จะเปิดให้บริการในอนาคต

6.2 การทํารายการชำระค่าบริการแต่ละครั้ง ผู้ใช้บริการต้องชำระค่าบริการตามวงเงินที่ผู้ให้บริการกําหนดไว้เท่านั้น

6.3 กรณีผู้ให้บริการแก้ไข ลด หรือเพิ่มเติมช่องทางและวิธีการชำระค่าบริการ ผู้ให้บริการจะประกาศและแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนการดำเนินการดังกล่าว

7. ระยะเวลาการใช้บริการ

การชำระค่าบริการแต่ละครั้งตามมูลค่าที่ผู้ให้บริการกําหนดไว้ ผู้ใช้บริการจะสามารถใช้บริการได้โดยไม่จำกัดระยะเวลาการใช้บริการ เว้นแต่กรณีที่บริการนั้นอยู่ตามรายการในกิจกรรมส่งเสริมการขายหรือการใช้บริการที่กําหนดขึ้นเป็นคราวๆ อาจได้รับระยะเวลาการใช้งานโดยจำกัดระยะเวลาการใช้บริการตามที่ผู้ให้บริการกําหนด

8. การตรวจสอบข้อมูลการให้บริการ

8.1 กรณีข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ให้บริการเรียกเก็บค่าบริการเกินกว่าจํานวนที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการจริง ผู้ให้บริการจะคืนเงินส่วนต่างของค่าบริการให้แก่ผู้ใช้บริการภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ข้อเท็จจริงยุติ

8.2 ผู้ให้บริการจะดําเนินการตรวจสอบข้อมูลการใช้บริการ แจ้งผล และคืนเงิน (ถ้ามี) ให้แก่ผู้ใช้บริการที่มีหลักฐานแสดงตนว่าเป็นผู้ใช้บริการที่แท้จริงเท่านั้น

9. กรณีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูญหายหรือถูกโจรกรรม

9.1 เมื่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูญหาย หรือถูกโจรกรรม ผู้ใช้บริการต้องรีบแจ้งมายังสํานักงานบริการของผู้ให้บริการทราบเป็นหนังสือ หรือทางโทรศัพท์ หรือโดยเครื่องมือสื่อสารอย่างอื่น หรือโดยวิธีการอื่นใด โดยผู้ให้บริการจะดําเนินการระงับการให้บริการในทันทีที่ได้รับแจ้งเพื่อระงับการให้บริการเป็นการชั่วคราวโดยเร็วที่สุด และผู้ใช้บริการไม่ต้องรับผิดชอบชําระค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่เกิดขึ้นภายหลังการแจ้งดังกล่าว เว้นแต่ผู้ให้บริการจะพิสูจน์ได้ว่าความรับผิดในหนี้ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลจากการกระทําของผู้ใช้บริการเอง

9.2 ผู้ให้บริการจะดําเนินการระงับการให้บริการให้ก็ต่อเมื่อได้ตรวจสอบเป็นที่ชัดแจ้งแล้วว่า ผู้แจ้งเป็นผู้ใช้บริการที่แท้จริงเท่านั้น

9.3 ในระหว่างการระงับการใช้บริการชั่วคราว ผู้ใช้บริการมีสิทธิยื่นคําขอให้ผู้ให้บริการเปิดให้บริการใหม่โดยใช้ Wednesday Account เดิมได้ภายในเวลา 15 วัน นับแต่วันที่ผู้ให้บริการได้รับแจ้งการสูญหาย หรือถูกโจรกรรมแล้ว หากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวและผู้ให้บริการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ใช้บริการให้ดำเนินการยื่นคำขอ แต่ผู้ใช้บริการกลับนิ่งเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ภายใน 30 วัน ผู้ให้บริการมีสิทธิยกเลิกการให้บริการทันที

10. การบอกเลิกสัญญาโดยผู้ใช้บริการ

10.1 ผู้ใช้บริการมีสิทธิยกเลิกการใช้บริการได้โดยการบอกกล่าวแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือ พร้อมสําเนาบัตรประจําตัวประชาชนให้แก่ผู้ให้บริการทราบผ่านช่องทางสื่อสารที่ผู้ให้บริการกำหนดล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนถึงวันสิ้นสุดการใช้บริการ

10.2 ผู้ใช้บริการมีสิทธิยกเลิกการใช้บริการได้ทันที หากเกิดเหตุดังต่อไปนี้

  • 10.2.1 ผู้ให้บริการได้ละเมิดข้อตกลงอันเป็นสาระสําคัญของเงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้
  • 10.2.2 ผู้ให้บริการตกเป็นบุคคลล้มละลาย

11. ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการให้บริการ

กรณีผู้ใช้บริการได้รับความเดือดร้อนหรือความเสียหายอันเนื่องจากการให้บริการของผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนได้ตามเงื่อนไขการให้บริการของผู้ใช้บริการที่ผู้ให้บริการได้กำหนดและประกาศแจ้งให้ทราบแล้ว

12. เหตุแห่งการปฏิเสธการให้บริการ

ผู้ให้บริการมีสิทธิปฏิเสธการให้บริการแก่ผู้ยื่นคําขอใช้บริการได้ ดังนี้

  • 12.1 เมื่อผู้ใช้บริการปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลรายละเอียดการแสดงตัวในฐานะเป็นผู้ใช้บริการและผู้ครอบครอง Wednesday Account
  • 12.2 เมื่อปรากฏว่าผู้ใช้บริการถูกระงับการให้บริการ หรือเคยถูกผู้ให้บริการระงับการให้บริการเนื่องมาจากเหตุข้อหนึ่งข้อใดตามข้อ 13.2-13.4
  • 12.3 เมื่อปรากฏว่าผู้ใช้บริการถูกยกเลิก หรือเคยถูกผู้ให้บริการยกเลิกการให้บริการ เนื่องมาจากเหตุข้อหนึ่งข้อใดตามข้อ 14.2

13. เหตุผู้ให้บริการมีสิทธิระงับการให้บริการ

13.1 ผู้ให้บริการมีสิทธิที่ระงับการให้บริการได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าเป็นหนังสือให้ผู้ใช้บริการทราบ หากผู้ใช้บริการได้กระทำการหรือเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

  • 13.1.1 กรณีเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นแก่ผู้ให้บริการ
  • 13.1.2 ผู้ใช้บริการปลอมแปลงเอกสารใดๆให้แก่ผู้ให้บริการ หรือแสดงข้อความอันเป็นเท็จในการขอใช้บริการ
  • 13.1.3 ผู้ให้บริการพิสูจน์ได้ว่าบริการที่ให้แก่ผู้ใช้บริการถูกนําไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือฝ่าฝืนต่อข้อกำหนดหรือเงื่อนไขการให้บริการใดๆของผู้ให้บริการ
  • 13.1.4 ผู้ใช้บริการผิดนัดชําระค่าบริการภายในระยะเวลาที่กําหนด

13.2 ผู้ให้บริการมีสิทธิที่จะระงับการให้บริการชั่วคราวได้โดยการแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน ในกรณีที่ผู้ให้บริการมีเหตุจำเป็นต้องตรวจสอบ ปรับปรุง บำรุงรักษา พัฒนา หรือแก้ไขระบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

14. เหตุผู้ให้บริการมีสิทธิยกเลิกการให้บริการ

  • 14.1 ผู้ใช้บริการถึงแก่ความตาย หรือสิ้นสุดสภาพบุคคล
  • 14.2 ผู้ให้บริการมีเหตุอันเชื่อได้ว่าผู้ใช้บริการมีพฤติกรรมฉ้อฉลในการใช้บริการ หรือนําบริการไปใช้โดยผิดกฎหมาย ละเมิดหรือฝ่าฝืนข้อกำหนดหรือเงื่อนไขใดๆของผู้ให้บริการ
  • 14.3 ผู้ให้บริการไม่สามารถให้บริการได้โดยเหตุที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ให้บริการ
  • 14.4 เป็นการยกเลิกโดยบทบัญญัติของกฎหมาย

15. ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ให้บริการ

15.1 ผู้ให้บริการจะให้บริการอย่างดีที่สุดเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่พึงพอใจ ดังนั้น หากการให้บริการใดๆ ของผู้ให้บริการเกิดความผิดพลาด ล่าช้า ไม่ว่าเกิดขึ้นจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สัญญาณขัดข้องหรือระบบอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ และไม่ว่าจะเกิดจากเหตุใดๆ ผู้ใช้บริการตกลงไม่ยกเอาเหตุขัดข้องดังกล่าวมาเป็นข้อเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากผู้ให้บริการ เว้นแต่เหตุขัดข้องดังกล่าวเกิดจากระบบของแอปพลิเคชันเอง

15.2 ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบในทุกกรณีต่อความสูญหาย หรือเสียหาย ไม่ว่าจะโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อม อันเกิดขึ้นกับข้อมูลในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อันเนื่องจากการใช้บริการของผู้ใช้บริการ

15.3 ผู้ให้บริการมีฐานะเป็นเพียงผู้ให้บริการซึ่งให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน และช่องทางอื่นๆ (ถ้ามี) ตามที่ผู้ให้บริการกำหนดเท่านั้น ผู้ให้บริการไม่มีส่วนรู้เห็น หรือมีส่วนร่วม หรือให้การสนับสนุนในการกระทำการใดๆ ของผู้ใช้บริการ อันเกี่ยวกับการใช้บริการหรือการใช้แอปพลิเคชัน รวมถึงช่องทางอื่นๆ ดังกล่าว หากผู้ใช้บริการได้กระทำการใดๆ ไม่ว่าจะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม อันเป็นการกระทำผิดกฎหมาย หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ผู้ใช้บริการตกลงรับผิดชอบต่อการกระทำ หรือความเสียหายต่อบุคคลภายนอกหรือผู้ที่ได้รับความเสียหายเองโดยตรงทั้งสิ้น

15.4 ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการรับผิดชอบใดๆ ก็ตามอันเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นใดก็ตาม อันเนื่องมาจาการที่ผู้ใช้บริการปกปิดข้อมูล หรือให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงแก่บริษัท หากผู้ใช้บริการปกปิดข้อมูล หรือให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับกับความเป็นจริงดังกล่าว ผู้ใช้บริการตกลงรับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ให้บริการหรือบุคคลภายนอกทั้งสิ้น

16. ภาษา

การแปลเงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ ไม่ว่าจะแปลเป็นภาษาใดก็ตาม มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกของผู้ใช้บริการเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาใดๆ ที่จะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการให้บริการ ในกรณีที่มีข้อความขัดแย้งกันระหว่างฉบับภาษาไทยและภาษาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษาไทย ให้ยึดข้อความตามภาษาไทย

17. การแก้ไขเปลี่ยนแปลง

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมเงื่อนไขการให้บริการอันอาจมีผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ หรือประโยชน์อัน พึงได้รับของผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน

18. อื่นๆ

ผู้ใช้บริการตกลงยอมรับว่ากรณีที่ผู้ใช้บริการสมัครหรือยื่นคําขอใช้บริการอื่นใดที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้บริการ หรือบริการอื่นใดที่ผู้ให้บริการจะเปิดให้บริการในอนาคต ผู้ใช้บริการยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ทุกประการ

19. กฎหมายที่ใช้บังคับ

เงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ ให้ใช้บังคับและตีความตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย โดยไม่ต้องคำนึงถึงบทบัญญัติว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย

20. การแยกส่วนกัน

ถ้าข้อกำหนด หรือเงื่อนไขใดๆ ของเงื่อนไขการให้บริการนี้เป็นโมฆะ หรือไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายใดๆ ให้ถือว่าข้อกำหนด หรือเงื่อนไขอื่นๆ ของเงื่อนไขการให้บริการที่สมบูรณ์แยกจากส่วนที่เป็นโมฆะ หรือไม่สมบูรณ์ และมีผลใช้บังคับได้ต่อไป

ประกาศ ณ วันที่ 1 มกราคม 2566

บริษัท อินโนสเตลลาร์ จำกัด (“บริษัทฯ”) เป็นองค์กรดำเนินกิจการภายใต้กฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย ยึดมั่นในความถูกต้องอย่างมีหลักจรรยาบรรณ เคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ได้ตระหนักถึงความปลอดภัย ตลอดถึงความไว้วางใจในการใช้บริการของบริษัท เสริมสร้างนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทฯ จึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy) ฉบับนี้

1. วัตถุประสงค์ในการจัดทำนโยบาย

นโยบายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งและกำหนดให้บุคคลากรไม่ว่าภายในหรือภายนอกองค์กรได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ สิทธิตามกฎหมาย รายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและปฏิบัติดำเนินการตามนโยบาย อีกทั้ง เพื่อให้การปฏิบัติงานของบริษัทฯ เป็นไปตามกฎหมาย และมาตรฐานสากลในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์ในการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และมาตรการในการบริหารจัดการ การละเมิดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม โดยในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่น บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบและอธิบายถึงฐานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

2. ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย

2.1 ข้อมูลส่วนบุคคล ที่บ่งบอกถึงลักษณะที่สามารถระบุถึงตัวตนของบุคคล ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯได้รับมาโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการใช้บริการ ติดต่อ เยี่ยมชม ค้นหา ผ่านช่องทางออนไลน์หรือจากแหล่งช่องทางอื่นๆ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าใจจากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลโดยตรง เช่น จากหน่วยงานของรัฐ ผู้ให้บริการข้อมูล หรือพันธมิตรทางธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต โดยลักษณะข้อมูลส่วนบุคคลกล่าวได้ดังต่อไปนี้

  • ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด สถานภาพสมรส เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง
  • ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน ที่อยู่ที่ติดต่อ(สำหรับกรณีต่างจากที่อยู่อาศัย)หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ ไอดีไลน์
  • ข้อมูลประวัติการทำงาน เช่น สถานะวิชาชีพ ตำแหน่ง
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการสำรวจทางการตลาด
  • ข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต เลขบัตรเดบิตที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม ค่าใช้จ่าย รายเดือน เพื่อบันทึกข้อมูลการให้บริการที่ไม่คลาดเคลื่อนและถูกต้อง
  • ข้อมูลการทำธุรกรรม เช่น ข้อมูลการซื้อ/ขาย
  • ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP address MAC address Cookie ID username / password
  • ข้อมูลอื่นๆ เช่น การใช้งานเว็บไซต์ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

2.2 ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายบัญญัติเป็นการเฉพาะ ซึ่งบริษัทฯจะเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะต้องได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูล หรือกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยตามกรณีที่กฎหมายบัญญัติ เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองนิ้วมือ หรือ ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ หรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ โทรศัพท์ หรือช่องทางอื่นใด เป็นต้น

3. วัตถุประสงค์เพื่อจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  • เพื่อการใช้บริการได้ตรงตามวัตถุประสงค์ การเข้าทำสัญญาและดำเนินงานภายใต้ขอบเขตของสัญญาที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้บริการ และเพื่อการอื่นอันจำเป็นภายใต้กฎหมาย ทางบริษัทจะนำข้อมูลส่วนบุคคลมาทำการประมวลผล การติดต่อประสานงาน การแจ้ง การโอนสิทธิหรือหน้าที่ รวมถึงการแจ้งข้อมูลใดอันเกี่ยวกับการใช้บริการบริษัท
  • เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
  • เพื่อการดำเนินที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เช่น การบันทึกภาพ CCTV การบันทึกเสียง เช่น ประชุม อบรม สันทนาการ หรือออกบูธ หรือการรับส่ง พัสดุ การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้ให้บริการ การประเมินความพึงพอใจ การจัดการข้อร้องเรียน การบริหารความเสี่ยง กำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร เช่น การเข้าทำสัญญาจ้างแรงงานกับบริษัท การมอบสวัสดิการแก่พนักงาน ลูกจ้างของบริษัทฯ การจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทน การป้องกัน การรับมือเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทุจริต เป็นต้น
  • เพื่อให้เจ้าของข้อมูลได้รับประโยชน์จากการใช้บริการตามที่ให้ความยินยอมแก่บริษัท เช่น ใช้บริการสอดคล้องตามความต้องการ และได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ ที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการบริการของบริษัทฯ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

4. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทเช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บน server/cloud ในประเทศต่างๆ

กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานไม่เพียงพอ บริษัทจะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงรักษาความลับกับผู้รับข้อมูลในประเทศดังกล่าว หรือในกรณีที่ผู้รับข้อมูลเป็นบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกัน

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

5.1. บริษัทจะจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลได้ ตามความยินยอมของเจ้าของข้อมูล โดยจะต้องเป็นการใช้ตามวัตถุประสงคที่ได้รับความยินยอมไว้เท่านั้น บริษัทจะกำกับดูแลพนักงาน เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้จัดเก็บ รวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของการให้ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลหรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเปิดเผยให้แก่บุคคลภายนอก องค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ เช่น ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการภายนอก ตัวแทนของบริษัท ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ สถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้แทนจำหน่าย ซึ่งการเปิดเผยเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

5.2. บริษัทฯ อาจใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อให้ดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการนั้นจะต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย โดยห้ามดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือดำเนินการอื่นใดต่อข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากที่บริษัทฯกำหนด

6. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามระยะที่จำเป็นในระหว่างที่มีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัทหรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการหรือตามนโยบายฉบับนี้ โดยปฎิบัติตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเกี่ยวกับการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้โดยเฉพาะ เช่น พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ประมวลรัษฎากร หรือข้อบังคับอื่นใดภายใต้กฎหมายราชอาณาจักรไทย

6.2 ในกรณีที่กฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้โดยเฉพาะ บริษัทฯ จะกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บตามความจำเป็นที่เหมาะสมในการปฏิบัติงานของบริษัทฯ

เมื่อพ้นระยะเวลาการเก็บรักษาดังกล่าว บริษัทฯ จะดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

7. กระบวนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล จึงกำหนดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีอำนาจหรือโดยขัดต่อกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและวิธีปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของบริษัทฯ

ในกรณีที่บริษัทฯ ได้ว่าจ้างหน่วยงานหรือบุคคลภายนอกให้ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ มีกระบวนการในการกำหนดให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกดังกล่าว เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงป้องกันมิให้นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย เพื่อการอื่นใดที่ไม่เป็นไปตามขอบเขตการว่าจ้าง ไม่ได้รับความยินยอม หรือขัดต่อกฎหมาย นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น

8. สิทธิของเจ้าของข้อมูล

เจ้าของข้อมูลมีสิทธิตามกฎหมายที่ควรทราบ โดยสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ โดยการยื่นคำร้องต่อบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษรภายใต้ข้อกำหนดกฎหมาย และตามนโยบายที่บริษัทกำหนดขึ้น ดังนี้

  • สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงการขอให้ทำสำเนาหรือการเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนตัวจากบริษัท
  • สิทธิขอถอนความยินยอม: กรณีเจ้าของข้อมูลได้ยินยอมให้บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ว่าจะให้ความยินยอมก่อนหรือหลังวันที่กฎหมายคุ้มครอง เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการถอนความยินยอมตามหลักเกณฑ์ของบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูล
  • สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการขอรับข้อมูลหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าอยู่ในรูปแบบใดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
  • สิทธิขอคัดค้าน: เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้อื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล กรณีบริษัทเล็งเห็นได้ว่าข้อมูลดังกล่าวมีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิพื้นฐาน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อไป
  • สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของเจ้าของข้อมูล หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  • สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หากเชื่อได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องตามนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามนโยบายฉบับนี้แล้ว
  • สิทธิร้องเรียน: เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากเชื่อได้ว่าการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

การใช้สิทธิดังกล่าวข้างค้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง บางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฎิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอให้สิทธิข้างต้นของเจ้าของข้อมูลได้ เช่น ต้องปฎิบัติตามคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิข้างต้นอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบบุคล จากสิทธิต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น บริษัทจะกำหนดระยะเวลาการดำเนินการ โดยเจ้าของข้อมูลสามารถแจ้งการใช้สิทธิได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

ช่องทางการติดต่อใช้สิทธิ: เจ้าของข้อมูลสามารถยื่นคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่านช่องทางการติดต่อดังนี้: บริษัท อินโนเสตลลาร์ จำกัด สำนักงานตั้งอยู่ที่ 225/12 หมู่ 4 ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10260, เบอร์โทรศัพท์ +66 2 046-1877, Email karn@innostellar.com

ระยะเวลาดำเนินการ:
- สิทธิขอถอนความยินยอม: 15 วันทำการ
- สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: 30 วันทำการ
- สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: 30 วันทำการ
- สิทธิขอคัดค้าน: 30 วันทำการ
- สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: 30 วันทำการ
- สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: 30 วันทำการ
- สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: 15 วันทำการ

*นับแต่วันที่บริษัทได้ตรวจสอบและยืนยันตัวตนกับเจ้าของข้อมูลผู้ยื่นคำร้องขอใช้สิทธิเรียบร้อยแล้ว อนึ่ง ในกรณีที่จะต้องมีการยื่นและ/หรือนำส่งเอกสารหลักฐานสำหรับการตรวจสอบและยืนยันตัวตน ระยะเวลาดำเนินการจะเริ่มนับในวันที่บริษัทได้รับเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว

9. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)

บริษัทได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ บริษัทได้จัดทำระเบียบ คำสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้การดำเนินงานตามแนวนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยช่องทางการติดต่อ DPO สามารถติดต่อได้ช่องทาง Email Jiruschaya@shipexpert.net

ประกาศ ณ วันที่ 1 มกราคม 2566